หนังอินเดีย Slumdog Millionaire หนึ่งในหนังอินเดีย ที่มีคุณภาพเทียบเท่าระดับฮอลีวูด

หนังอินเดีย Slumdog Millionaire เนื้อเรื่อง เป็นอย่างไร?

หนังอินเดีย เรื่องราวเกิดหลังจากที่ จามัล นำแสดงโดย เดฟ พาเทล ถูกตำรวจควบคุมตัวและถามถึง กลโกงที่เขาใช้ในการแข่งขัน รายการเกมเศรษฐีตอบคำถามชิงเงินล้าน ซึ่งเขาก็ได้แต่เงียบและ นึกถึงเรื่องราวในอดีตที่ย้อนกลับไป ตามสิ่งที่เขาถูกถามในรายการทีวี จามัลในวัยเด็กนั้นเขาอยุ่อาศัยกับพี่ชายอย่าง ซาลิม

นำแสดงโดย มาเดอร์ มิดตัล และแม่ของเขาในสลัมแห่งหนึ่ง จามัลและพี่ชายของเขา ต่างมีชีวิตเหมือนกับเด็กในชุมชนทั่วไป ที่เล่นสนุกกันไปมา หรือแม้กระทั่งทำงานในที่ต่างๆ ซึ่งบังเอิญคำถามในรายการนั้น

ตรงกับเรื่องราวในอดีตของเขา ที่ยังฝั่งใจอยู่นั้นเองโดยในต่อมานั้น ชุมชนที่เขาอยู่นั้น ได้มีปัญหากับกลุ่มศาสนาหัวรุนแรง จึงทำให้เกิดการชลมุนกันขึ้นในชุมชน จากการทำร้ายกันโดยที่แม่ของจามัล

และ ซาลิม ได้พาหนีจากความวุ่นวาย แต่แล้วแม่ก็ยอมสละชีวิตเพื่อให้ลูกทั้งสองรอด ทำให้นับตั้งแต่นั้นมาเขาและพี่ชาย ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว จนกระทั่งจามัลพบเข้ากับเด็กหญิงสาว ที่ชื่อว่า ลาติกา

นำแสดงโดย ฟรีดา พินโต เธอผู้นี้จะเปลี่ยนชีวิตของเขาไปอีกนาน หลังจากที่ทั้งสามเป็นเด็กกำพร้า จึงได้ตั้งกลุ่มกันเป็นทหารเสือ อย่างในนิทานสามทหารเสือนั้นเอง หลังจากนั้นทั้งสามได้ถูก

กลุ่มคนไม่หวังดีหลอกด้วยทำดีใส่ เพื่อที่เขานั้นจ้องจะจับเด็กกำพร้าเร่ร่อน มาทำให้ตาบอดเพื่อที่จะได้ขอทานนั้นเอง โดยขบวนการนี้จะคัดเลือกเด็ก เพื่อมาทำให้ตาบอดนั้นเอง แต่แล้วเขาทั้งสองและพี่ชาย

สามารถที่จะหนีจากกลุ่มนี้ได้ เหลือแค่เพียงลาติกาที่ไม่สามารถ หนีออกจากกลุ่มนั้นได้ หลังจาก นั้นจามัลเอง ก็ยังคงไม่ลืมลาติกาและความแค้นที่ผ่านมา ถึงแม้ช่วงเวลาจะผ่านไป พี่ชายของเขากลับเลือกเส้นทางนักเลง

ส่วนตัวของเขานั้นเป็นคนเสิร์ฟกาแฟ ในบริษัทไอทีขนาดใหญ่ แต่มิวายที่จามิลนั้นจะตามสืบเรื่องของ ลาติกา จนพบว่าเธอนั้นยังคงอยู่อาศัยกับ กลุ่มที่พวกเขาจากมานั้นเอง ทำให้เกิดการล้างแค้นทีละคน

ซาลิมได้บุกไปกับจามัลในที่กบดาน เพื่อช่วยลาติกาออกมาจากกลุ่มพวกนั้นได้สำเร็จ แต่ทว่ารางวัลความดีใจของจามัล ที่พบลาติกาอีกครั้งนั้นได้พังทลาย เพราะด้วยพี่ชายเขาเองที่ต้องการตัวเธอ

เหมือนเป็นรางวัลที่เขาเสี่ยงชีวิตเเข้าไปช่วยนั้นเอง จุดนั้นเองยิ่งทำให้จามัลรู้สึกโกรธและไม่พอใจอย่างมาก และจากนั้นเวลาผ่านไป ซาลิมได้เข้าไปทำงานเป็นบอดี้การ์ดมาเฟียคนหนึ่ง ซึ่งมีอิทธิพลภายในเมืองแห่งนี้

รวมถึงจามัลเองที่ได้กลับมาพบกับพี่ชายอีกครั้ง เพื่อที่จะถามลาติกาที่เขาไม่เคยลืม ซาลิมได้บอกไปว่าเธอนั้นทำงานกับ เจ้านายของเขาเอง ยิ่งทำให้เขาจามัลอยากพบเธออีกครั้ง จึงได้แอบปลอมตัวเป็นช่างที่เข้ามาซ่อมอุปกรณ์ในบ้าน

เพื่อมาพบกับลาติกาที่เขารัก และตั้งใจว่าเขานั้นจะช่วยลาติกา จากที่แห่งนี้และไปอยู่กับเขานั้นเอง แต่ด้วยฐานะของเขาที่ต่างกันคือ ลาติกาเป็นเหมือน ภรรยาอีกคนของหัวหน้าซาลิมนั้นเอง ด้วยความที่จามัลไม่มีทางเลือกมากนัก

เขาจึงเลือกใช้รายการเกมเศรษฐี เพื่อเป็นการบอกอะไรบ้างอย่าง กับลาติกานั้นเอง เมื่อน้องชายของเขาทำเรื่องโง่ๆ ตัวของซาลิมเองลึกๆแล้วเขาก็รักน้อง เขาจึงยอมทำผิดต่อหน้าที่ตัวเอง บุกเดี่ยวในบ้านเจ้านายของตน

เพื่อช่วยเหลือลาติกาให้หนีไป จนเขานั้นได้รับบาดเจ็บสาหัส ถึงขั้นเสียชีวิตภายในอ่างอาบน้ำนั้นเอง จามัลที่อยู่ในรายการเขาสามารถ ตอบคำถามได้ทุกข้อจนคำถามใกล้ถึงรางวัลใหญ่ จนกระทั่งหมดเวลาของรายการ

ทำให้คำถามสุดท้ายนั้นต้องเลื่อนเป็นพรุ่งนี้ หลังจากจามัลเดินออกจากรายการ ก็ได้ถูกควบคุมตัวโดยตำรวจ เพื่อสอบปากคำยันเช้าถึงวิธีกลโกง ในการตอบคำถามเกมโชว์นี้เอง แต่ด้วยความบริสุทธิ์ของจามัล

ทำให้ตำรวจไม่สามารถเอาผิดเขาได้ จึงได้แต่ปล่อยเขาไปร่วมรายการ ที่เหลือคำตอบสุดท้ายนั้นเอง หลังจากเขาได้เจอคำถามสุดท้าย นั้นกลับเป็นเรื่องราวของตนเองแถบทั้งสิ้น ทำให้เขาตอบอย่างไม่ลังเลเลย

ว่าคำตอบสุดท้ายจะเป็นอะไร จึงทำให้เขานั้นกลายเป็นเศรษฐีข้ามคืนเลยทีเดียว หลังจากนั้นเขาเริ่มออกตามหาลาติกา ตามที่พี่ชายของเขาได้นัดแนะแผนเอาไว้ก่อนตาย เมื่อเขามาถึงสถานนีรถไฟเพื่อมาตามนัด

ลาติกาเองที่รอคอยอยู่แล้ว ทำให้ทั้งสองได้กลับมาพบกัน และสมกับที่จามัลรอคอยมาทั้งชีวิต เพื่อที่เขาจะได้อยู่กับลาติกา คนที่เขารักมาตั้งแต่เด็กนั้นเอง

หนังอินเดีย

หนังอินเดีย Slumdog Millionaire กระแสเป็นอย่างไร?

หลังจากที่หนังได้เข้าฉายไปในวันที่ 12 พฤศจิกายน 2551 นับว่าเป็นหนังอินเดียเรื่องแรกเลยก็ว่าได้ ที่ตีตลาดอเมริกาและทั่วโลก นำเสนอมุมมองอีกด้านหนึ่งของอินเดีย และยังถ่ายทอดเรื่องราวที่มีความอินเตอร์อย่างมาก หากเรามองว่าหนังอินเดียจะเหมือนๆกัน แต่สำหรับเรื่องนี้นั้นนับว่าเป็นหนังอีกเรื่องหนึ่ง ของอินเดียที่สร้างชื่อให้กับประเทศ

รวมถึงอุตสาหกรรมภาพยนตร์ของอินเดีย ที่มีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องนั้นเอง หนังเรื่องนี้เป็นผลงานของผู้กำกับอย่าง แดนนี่ บอยล์ และ เลิฟลีน แทนแดน กำกับร่วมในหนังเรื่องนี้ด้วยนั้น จากความสำเร็จของหนังเรื่องนี้

ได้พาให้หนังเรื่องนี้ได้รับรางวัล ออสก้า สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และอื่นๆอีกมากมายที่การันตี ความสำเร็จของหนังเรื่องนี้นั้นเอง นอกจากคำวิจารณ์ที่ดีแล้ว ทางด้านรายได้เองก็สามารถกอบโกยไปกว่า 159,226,072 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

จากทุนสร้างเพียง 15 ล้านดาลลาร์สหรัฐนั้นเอง ทำให้หนังได้เรื่องกวาดรายได้ไปกว่า 10 เท่าของทุนเดิมนั้นเอง นับว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังอินเดีย อีกเรื่องหนึ่งที่ไม่ธรรมดา และยังสร้างซีนที่น่าจดจำมากมาย

ให้กับผู้ชมอย่างเราที่ยังคง ยกให้หนังอินเดียเรื่องนี้ เป็นอีกเรื่องที่ยกระดับหนังอินเดีย และอุตสาหกรรมภาพยนตร์ของอินเดีย ไปอีกขั้นหนึ่งนั้นเอง

หนังอินเดีย

Slumdog Millionaire มีสิ่งที่น่าสนใจอย่างไร?

หนังได้เล่าปัญหาชนชั้นทางสังคม ของคนในประเทศอินเดียที่มีจำนวนประชากร ที่มีความยากจนจำนวนมาก รวมถึงความเป็นอยู่และการสู้ชีวิตของผู้คนในอินเดียนั้นเอง นับว่าเป็นปัญหาทางโครงสร้าง ของประเทศนี้มาอย่างยาวนาน รวมถึงหนังได้สอดแทรกเรื่องราว ดราม่าและความผูกพันธ์กันของตัวละคร ที่มีจุดเชื่อมกันอยู่ตลอดทั้งเรื่อง

รวมถึงการที่ตัวนักแสดงเอง ที่ช่วยทำให้หนังเรื่องนี้ดูสมบูรณ์ ถ้าหากใครได้ทันดูหนังเรื่องนี้ ในโรงภาพยนตร์แล้วละก็ จะต้องอินไปกับความรู้สึกของตัวละครอย่างแน่นอน เพราะด้วยหนังที่บอกเหล่าความเป็นอินเดีย

ในมุมที่คนทั่วไปไม่ได้เห็น ทำให้คนทั่วโลกต่างรู้จักอินเดีย ในมุมมืดของสังคมด้วยเช่นกัน ถึงแม้อุตสาหกรรมหนังของอินเดีย จะมีการพัฒนาและเติบโตอยู่เสมอ จึงผลักดันให้หนังเรื่องนี้ดูออกมา สากลอย่างมากทำให้มุมมอง

ของคนดูหนังอินเดียนั้นเปลี่ยนไปเลยทีเดียว หากคิดว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังเพลง ตัวเอกวิ่งไล่จีบกันทั้งเรื่องแล้วละก็ นับว่าคิดผิดแล้วนั้นเอง เพราะเรื่องนี้ได้เน้นไปทีเนื้อเรื่องเป็นหลัก ถึงแม้บ้างซีนจะมีฉากเต้นกันของพระนางนั้นเอง

แต่ก็ดูลงตัวได้มุมมองคนดูทั่วไปนั้นเอง นับว่าเป็นหนังอีกเรื่องที่บอกเล่าอินเดีย ได้ออกมาอย่างดีรวมถึงประสบความสำเร็จ ในเวทีระดับโลกอีกด้วยนั้นเอง จึงทำให้หนังเรื่องนี้เป็นอีกเรื่อง ที่ไม่ควรพลาดนั้นเอง

ไอเดียของหนังเรื่องนี้เป็นอย่างไร?

หนังเรื่องนี้ได้รับการเขียนบทโดย ไซมอน โบฟอย ที่ได้นำเรื่องราวมาจาก วรรณกรรมของนักเขียนชาวอินเดียอย่าง Vikas Swarup ในชื่อเรื่องชายหนุ่มสลัมในเมืองมุมไบ ถูกออกขายในปี 2005 ด้วยความโด่งดังของวรรณกรรมเรื่องนี้ ส่งผลพลักดันให้เกิดหนังเรื่องนี้ขึ้นมา จากการเขียนดัดแปลงวรรณกรรม

ออกมาเป็นบทภาพยนตร์เรื่องนี้ ที่ถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตสลัมในเมืองมุมไบ ที่ทุกคนต่างดิ้นรนเพื่อมีชีวิตรอด จากสิ่งที่เขาไม่อาจเลือกเกิดได้นั้นเอง ด้วยความยากจนและแออัดของชุมชน ทำให้เกิดเหตุความรุนแรง

รวมถึงกลุ่มอันธพาลท้องถิ่นมากมาย อันเป็นความหดหู่ของผู้คนในอินเดีย ที่ถูกถ่ายทอดผ่านหนังเรื่องนี้ ที่ตัวละครเอกนั้นต้องฝ่าฟันทุกอย่าง เพื่อให้เขานั้นได้พบกับนางเอกอีกครั้ง จนกระทั่งเขาได้กลายเป็นเศรษฐีเพียงชั่วข้ามคืน

เพียงเพื่อต้องการบอกอะไรบ้างอย่าง กับคนที่เขารักในรายการนั้นเอง นับว่าเป็นหรังที่มีบทสรุปอันสวยงามอีกเรื่อง ที่ผู้เขียนบทได้สร้างตัวละคร ให้เราได้อินไปกับการกระทำนั้นเอง ส่งผลให้หนังเรื่องนี้กินใจ ของใครหลายคนที่ผ่านมา

สรุปสิ่งที่ได้จากการดู Slumdog Millionaire เป็นอย่างไร?

นับว่าเป็นหนังอินเดียอีกเรื่องหนึ่ง ที่เคยสร้างน้ำตาให้กับใครหลายคน เพราะความยากลำบากของตัวเอก ที่ต้องมีชีวิตรอดภายในสังคมอันโหดร้าย และต้องปกป้องคนที่เขารักด้วย ทำให้เกิดเป็นเรื่องราวเหมือน สามทหารเสือในนิยายชื่อดังนั้นเอง ที่ไม่ว่าเป็นหรือตายพวกเขาทั้งสามจะอยู่ดูแลซึ่งกันและกัน ด้วยพล็อตเรื่องและวิธีการเล่านั้น

ทำให้หนังเรื่องนี้มีความแปลก จากการเล่าสลับกันไปมา ระหว่างอดีตและปัจจุบัน เหมือนเป็นการเล่าย้อนระหว่าง สองไทม์ไลน์ของเรื่องนี้ จนมาบรรจบกันในช่วงคลายแม็ค ที่เป็นบทสรุปของเนื้อเรื่องนี้นั้นเอง

หนังจะเปิดโลกคุณอย่างมาก เกี่ยวกับประเทศอินเดียที่มีความเป็นอยู่ จากการแบ่งชนชั้นอย่างชัดเจน และการแข่งขันที่สูงเป็นอย่างมาก ที่ผู้คนมากมายต่างอาศัยอยู่ในเมืองหลวงแห่งนี้นั้นเอง นอกจากนี้เรายังได้รู้สึกอิน

ไปกับปมตัวละครที่แสดงออกมา ให้เราได้รู้สึกอินไปกับเนื้อเรื่องโดยตลอดทั้งเรื่องนั้นเอง หากใครที่ชื่นชอบหนังโรแมนติก ดราม่า แล้วละก็ไม่ควรพลาดเรื่องนี้ เพราะนับว่าเป็นหนังยอดเยี่ยม แห่งปีนั้นเลยก็ว่าได้นั้นเอง

จึงทำให้มองว่า Slumdog Millionaire เป็นหนังที่ทำให้เรารู้จักอินเดียมากขึ้น รวมถึงความคุ้นเคยกับเกมโชว์ภายในเรื่อง ที่ประเทศเราเองเคยมีรายการแบบหนังเรื่องนี้ในอดีต นับว่าเป็นรายการที่คนทั่วบ้านทั่วเมือง

ต่างสนใจกับการตอบคำถามเพื่อชิงเงินรางวัล ที่ถือว่าใครๆก็อยากเข้ามาพิสูจน์ความสามารถของตัวเอง และเพื่อเงินรางวัลนั้นเอง เพราะทุกคนที่มารายการนี้ก็หวังเพื่อเงิน แต่หนังเรื่องนี้กลับแสดงให้เห็นถึง

พลังแห่งรักที่ยิ่งใหญ่ โดยการใช้รายการเป็นสื่อในการ บอกอะไรซะอย่างกับคนที่เรารัก แต่คำถามทุกคำถามดันเป้นเรื่องของตัวเองนั้นเอง นับว่าเป็นหนังที่สร้างทั้งรอยยิ้มและน้ำตา ในเวลาเดียวกันนั้นเอง

ถึงแม้หนังจะผ่านช่วงเวลามาอย่างยาวนาน แต่ก็ยังคงทำหน้าที่อยู่ในปัจจุบัน ที่ยังคงทำให้ใครหลายคนในตอนนี้ ต่างคิดถึงช่วงเวลานั้นที่ได้ดู หรือเป็นการเปิดใจรับประสบการณ์ใหม่ๆ จากหนังอินเดียเรื่องนี้ที่ถ่ายทอด เรื่องราวภายในอินเดียในอีกแง่มุม ที่เราไม่เคยเห็นกันนั้นเอง

หนังโรแมนติก